ประเทศไทย ยืนยันความมุ่งมั่นในการพัฒนาอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืน

©TASPO/พิชญ์ เยาว์ภิรมย์

ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เรียกร้องให้มีการส่งเสริมการรับรองของ RSPO
เพื่อเพิ่มความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนของไทย ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

กรุงเทพฯ วันที่ 25 ตุลาคม 2567: ประเทศไทย เป็นผู้ส่งออกน้ำมันปาล์มรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก กำลังเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสร้างอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนมากขึ้น ในวันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม 2567 ทางองค์การเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยปาล์มน้ำมันยั่งยืน (RSPO) ได้จัดงานมีเดียบรีฟสำหรับสื่อและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาคอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มที่ยั่งยืนของประเทศไทย ผู้เข้าร่วมประกอบด้วย ตัวแทนจากเครือข่ายปาล์มน้ำมันยั่งยืนประเทศไทย (TASPO) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกลุ่มชุมชนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนศรีเจริญ

กล่าวสำหรับการผลิตน้ำมันปาล์มยั่งยืนของประเทศไทย นั้น มีการเติบโตอย่างโดดเด่นมากกว่า 200% จากปริมาณ 348,027 ตันในปี 2562 เป็น 1,112,048 ตันในปี 2567 โดยศูนย์กลางการขยายตัวอยู่ในจังหวัดภาคใต้ ได้แก่ สุราษฎร์ธานี กระบี่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และพังงา

ขณะที่พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันที่ได้รับการรับรองว่ายั่งยืน (CSPO) ของประเทศไทย ครอบคลุมถึง 57,336 เฮกตาร์ หรือ 358,350 ไร่ ซึ่งเป็นผลจากการให้ความสำคัญของการส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนในประเทศ

นายอัสนี มาลัมพุช ประธานเครือข่ายปาล์มน้ำมันยั่งยืนประเทศไทย (TASPO) และประธานสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า แม้ประเทศไทย จะมีการส่งออกน้ำมันปาล์มส่วนเกินในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่เป็นน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) ที่ไม่มีมูลค่าเพิ่ม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องทำให้น้ำมันปาล์มที่ผลิตในประเทศไทย มีศักยภาพดึงดูดตลาดและมีคุณภาพสูง โดยต้องเป็น “ผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน มีคาร์บอนต่ำ ภายใต้การค้าที่เป็นธรรม”

“เกษตรกรต้องได้รับส่วนแบ่งที่เป็นธรรม และไม่ให้บริษัทเอกชนครอบครองผลประโยชน์ทั้งหมด” ประธานเครือข่ายปาล์มน้ำมันยั่งยืนประเทศไทย เน้นย้ำถึงความสำคัญในประเด็นนี้

นายอัสนี มาลัมพุช ประธานเครือข่ายปาล์มน้ำมันยั่งยืนประเทศไทย (TASPO) และประธานสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม
©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง

การสนับสนุนเกษตรกรรายย่อยเป็นสิ่งสำคัญ

เกษตรกรรายย่อย นับเป็น “กระดูกสันหลัง”ของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทย คิดเป็นประมาณ 85% ของการผลิต ดยเกษตรกรรายย่อยในประเทศไทย ถูกกำหนดให้เป็นเกษตรกรที่มีที่ดินน้อยกว่า 50 เฮกตาร์ (312.5 ไร่) และ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกของโลก ที่มีการจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรรายย่อยอิสระที่ได้รับการรับรองจาก RSPO 4 กลุ่มในปี 2555

ซึ่งการบรรยายสรุปในครั้งนี้ นางสาวรัฎดา ลาภหนุน ผู้จัดการด้านเทคนิคของ RSPO กล่าวว่า เกษตรกรรายย่อยส่วนใหญ่ในประเทศไทย จัดการสวนปาล์มน้ำมันอยู่บนพื้นที่ราว 4 – 5 ไร่ และมักขาดทรัพยากรในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ผลผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 3 – 3.2 ตัน ต่อไร่ต่อปี ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

นางสาวรัฎดา ลาภหนุน ผู้จัดการด้านเทคนิคของ RSPO
©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง

นอกจากนี้ เกษตรกรายย่อยยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและความรู้ ทำให้เกษตรกรมีอำนาจต่อรองด้านราคาค่อนข้างน้อยและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ทาง RSPO จึงมุ่งมั่นจะส่งเสริมการรับรองให้กับเกษตรกรรายย่อยของไทย ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยและภาคเอกชนในการผลักดันความต้องการผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มคุณภาพสูงและยั่งยืน

ทั้งนี้ มีตัวเลข ณ เดือนสิงหาคม 2567 ระบุว่า การเป็นสมาชิกของ RSPO ในประเทศไทยประกอบด้วย 91 กลุ่มของเกษตรกรทั้งรายใหญ่และรายย่อย โดยมีกลุ่มเกษตรกรรายย่อยอิสระที่ได้รับการรับรองจาก RSPO 34 กลุ่ม ครอบคลุมเกษตรกรกว่า 9,062 ราย และมีพื้นที่ที่ได้รับการรับรองรวมกว่า 283,818.69 ไร่

ซึ่งการรับรอง RSPO นั้น ช่วยให้เกษตรกรรายย่อยสามารถเข้าถึงทรัพยากร โอกาสทางการตลาด และราคาพิเศษสำหรับทะลายปาล์มสด (FFB) ซึ่งช่วยเพิ่มผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจให้กับพวกเขา กลุ่มเกษตรกรรายย่อยที่ได้รับการรับรองสามารถได้รับผลกำไรประจำปีสูงถึง 10.416 ล้านบาท หรือ ประมาณ 287,401 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ขณะที่กองทุนสนับสนุนเกษตรกรรายย่อย RSPO (RSSF) ได้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่เกษตรกรรายย่อยน้ำมันปาล์มเพื่อส่งเสริมการปฏิบัติที่ยั่งยืนตั้งแต่ปี 2557 โดยมีเกษตรกรรายย่อยในประเทศไทยได้รับประโยชน์จำนวน 5,274 ราย โดยได้รับเงินสนับสนุนจำนวน 12,658,792 บาท (ประมาณ 383,101 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ด้าน นายเชาวลิต วุฒิพงศ์ ประธานกลุ่มชุมชนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนศรีเจริญ กล่าวเสริมในประเด็นดังกล่าวว่า เพื่อเป็นกระตุ้นให้เกษตรกรปฏิบัติตามมาตรฐาน RSPO ทางหน่วยงานรัฐบาลและภาคเอกชนจำเป็นต้องเสริมสร้างการสนับสนุนผ่านการให้การศึกษาด้านปาล์มน้ำมันที่ยั่งยืน การสนับสนุนการก่อตั้งกลุ่ม และการปรับปรุงการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

นายเชาวลิต วุฒิพงศ์ ประธานกลุ่มชุมชนผู้ผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืนศรีเจริญ
©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง

สุราษฎร์ธานี:ต้นแบบระดับประเทศ ในการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน

ดร. กาญจนา ขวัญเมือง รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในนามของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่า ตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ส่งเสริมและรับรองมาตรฐาน RSPO ความมุ่งมั่นของเรายังขยายไปถึงการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาที่ช่วยเพิ่มมูลค่าทางการค้า และช่วยทำให้แน่ใจว่าการปฏิบัติที่ยั่งยืนมีส่วนสนับสนุนให้ภาคเกษตรกรรมของเราเติบโตและเจริญรุ่งเรือง

โดยในปี 2565 RSPO จังหวัดสุราษฎร์ธานี และภาคีพันธมิตร 6   องค์กรได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) เพื่อยกระดับพื้นที่สุราษฎร์ธานีให้เป็นเมืองต้นแบบปาล์มน้ำมันยั่งยืนของประเทศไทย และเป็นศูนย์นวัตกรรมและเทคโนโลยีสำหรับปาล์มน้ำมันที่ยั่งยืนที่ได้รับการรับรอง

ตั้งแต่ปี 2565 พื้นที่ปลูกน้ำมันปาล์มที่ได้รับการรับรอง RSPO ในสุราษฎร์ธานีได้เพิ่มขึ้นจาก 82,178.31  ไร่ เป็น 107,789.31 ไร่ เพิ่มขึ้นคิดเป็น 31% การผลิตทะลายปาล์มสดที่ได้รับการรับรองเพิ่มขึ้นจาก 209,858.53 ตันเป็น 283,818.69 ตัน ขณะนี้การรับรอง RSPO ครอบคลุม 12 อำเภอ โดยมีเกษตรกรที่ได้รับการรับรองจาก RSPO จำนวน 3,619 ราย RSPO ตั้งเป้าหมายที่จะขยายการรับรองไปยังพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในทุก 17 อำเภอของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี

ประเทศไทย ตั้งเป้าเน้นย้ำความพยายามอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาอย่างยั่งยืนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ในงานการสัมมนาประจำปีของ RSPO (RT2024) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2567 ณ โรงแรมอมารี กรุงเทพมหานคร โดยมีการเตรียมมอบการรับรอง RSPO ให้แก่กลุ่มเกษตรกรรายย่อยอิสระอีก 30 กลุ่มในงาน RT2024

จากภาพสะท้อนการเติบโตครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในการยกระดับมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มและส่งเสริมความยั่งยืนภายในภาคเกษตรกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและชุมชนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตน้ำมันปาล์มของประเทศไทยต่อไป

©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง

รายงาน / ทีมข่าว TASPO

เกี่ยวกับ RSPO:

องค์กรเจรจาระหว่างประเทศว่าด้วยน้ำมันปาล์มยั่งยืน (RSPO) เป็นความร่วมมือระดับโลกที่มุ่งทำให้น้ำมันปาล์มมีความยั่งยืน ก่อตั้งขึ้นในปี 2004 RSPO เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายฝ่าย โดยรวมสมาชิกจากห่วงโซ่อุปทานน้ำมันปาล์มทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน ผู้แปรรูปและผู้ค้า ผู้ผลิตสินค้าบริโภค ผู้ค้าปลีก ธนาคารและนักลงทุน องค์กรพัฒนาเอกชนที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติ และองค์กรพัฒนาเอกชนด้านสังคมและการพัฒนา

ในฐานะพันธมิตรเพื่อความก้าวหน้าและผลกระทบในเชิงบวก RSPO ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงระดับโลกเพื่อให้การผลิตและการบริโภคน้ำมันปาล์มมีความยั่งยืน เราสื่อสารถึงประโยชน์ทางสิ่งแวดล้อมและสังคมเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการเปลี่ยนแปลง เราส่งเสริมความร่วมมือเพื่อให้เกิดความก้าวหน้า และกำหนดมาตรฐานการรับรองเพื่อความมั่นใจ

RSPO จดทะเบียนเป็นสมาคมนานาชาติในเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยมีสำนักงานหลักอยู่ในมาเลเซียและอินโดนีเซีย และมีสำนักงานในจีน โคลอมเบีย เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม โปรดติดต่อ: [email protected] และ [email protected]