ผอ.ยุทธศาสตร์การค้า เปรียบ มาตรฐาน RSPO เหมือน “เข็มทิศ” นำทางปาล์มน้ำมันไทยสู่อนาคตยั่งยืน

©TASPO/ปรวิทย์ ยศถา

การผลิตน้ำมันปาล์ม “แบบดั้งเดิม” มักเผชิญกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า มลพิษทางอากาศ และปัญหาทางสังคม ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความเป็นอยู่ของชุมชน ดังนั้น ผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้ตามมาตรฐานสากล

เมื่อเร็วๆนี้ มีข่าวเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ https://tpso.go.th/ ของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า หรือ สนค.กระทรวงพาณิชย์ ระบุคำให้สัมภาษณ์จาก นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เกี่ยวกับการปรับตัวสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ไว้อย่างน่าสนใจ

โดย ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ให้ข้อมูลตอนหนึ่งว่า ปัจจุบันท่ามกลางวิกฤตสภาพภูมิอากาศที่ทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบในวงกว้าง ผู้บริโภคทั่วโลกต่างตระหนักถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญกับสินค้าที่ผลิตอย่างยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้น การปรับตัวสู่ความยั่งยืนในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม ซึ่งเป็นส่วนผสมสำคัญใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภค เป็นต้น จึงมีบทบาทต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ซึ่ง ปาล์มน้ำมัน นับเป็นหนึ่งในพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยไทย มีผลผลิตปาล์มน้ำมันมากเป็นอันดับ 3 ของโลก มีสัดส่วนประมาณร้อยละ 4.49 ของผลผลิตปาล์มโลก รองจากประเทศอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 60.49 และ 21.79 ตามลำดับ ไทยมีพื้นที่ปลูกปาล์มประมาณ 6 ล้านไร่ มีเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มกว่า 4 แสนครัวเรือน

ข้อมูลปี 2566 พบว่า ผลผลิตปาล์มน้ำมันของไทยมีจำนวน 18.27 ล้านตัน และสามารถผลิตเป็นน้ำมันปาล์มได้ 3.33 ล้านตัน โดยมีสัดส่วนการใช้น้ำมันปาล์ม แบ่งเป็น การใช้ในประเทศ เพื่อการบริโภคและใช้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ร้อยละ 67.56 สำหรับส่งออก ร้อยละ 24.64 ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ อินเดีย (ร้อยละ 86.78) เมียนมา (ร้อยละ 9.24) เคนยา (ร้อยละ 2.05) และจีน (ร้อยละ 0.70) ตามลำดับ และเป็นสต็อกในประเทศ ร้อยละ 7.80 

ซึ่งการผลิตน้ำมันปาล์ม “แบบดั้งเดิม” มักเผชิญกับปัญหาการตัดไม้ทำลายป่า มลพิษทางอากาศ และปัญหาทางสังคม ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและความเป็นอยู่ของชุมชน ดังนั้น ผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ได้ตามมาตรฐานสากล

ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าวต่อว่า สำหรับมาตรฐาน Roundtable on Sustainable Palm Oil หรือ RSPO เป็นมาตรฐานการผลิตน้ำมันปาล์มอย่างยั่งยืน ที่ปัจจุบันได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติมากที่สุด เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2547 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มที่ผ่านมาตรฐานสากลที่น่าเชื่อถือ สอดรับกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) เน้นความยั่งยืนทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล

©TASPO

ทั้งยังจะมีบทบาทเรื่องความยั่งยืน (Sustainability) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากกฎเกณฑ์การค้าโลกที่มีข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น สหภาพยุโรป (EU) กำหนดกฎระเบียบสินค้าปลอดการตัดไม้ทำลายป่า (EU Deforestation Regulation: EUDR) ที่ครอบคลุมสินค้าปาล์มน้ำมัน กำหนดให้ผลผลิตของสินค้าต้องไม่มาจากการบุกรุกพื้นที่ป่า และมีกระบวนการผลิตที่ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมาย เป็นต้น

กล่าวสำหรับมาตรฐาน RSPO ในประเทศไทย นั้น ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ระบุว่า จากข้อมูลเครือข่ายปาล์มน้ำมันยั่งยืน รายงานว่า เดือนมีนาคม 2567 ไทยมีสมาชิกผู้ปลูกปาล์มน้ำมันตามมาตรฐาน RSPO รวม 87 กลุ่ม ประกอบด้วย เกษตรกรรายย่อยอิสระ 83 กลุ่ม และรายใหญ่ (ที่มีสวนและโรงงาน) 4 กลุ่ม โดยสมาชิกได้รับการรับรองมาตรฐาน RSPO จำนวน 25 กลุ่ม 9,261 ราย พื้นที่ได้รับการรับรอง 326,718.75 ไร่ คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.12 ของพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน ซึ่งเป็นเกษตรกรรายย่อย 246,902.44 ไร่ และบริษัทที่มีโรงสกัดน้ำมันปาล์ม 79,816.31 ไร่

“มาตรฐาน RSPO เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มไทย ที่มุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมการผลิตน้ำมันปาล์มที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และเศรษฐกิจ สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง”ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า กล่าว

และเผยทิ้งท้าย หากผู้ประกอบการมีความพร้อมในการตรวจสอบและยืนยันที่มาของผลิตภัณฑ์ ผ่านการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ การรวมกลุ่ม และด้านเงินทุน จากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ก็จะเป็นโอกาสในการผลิตปาล์มที่มีคุณภาพตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในโลกปัจจุบัน รวมทั้งเป็นโอกาสในการรักษาความสามารถทางการแข่งขัน เพิ่มส่วนแบ่งการตลาด และการขยายสู่ตลาดใหม่ ๆ ได้อีกด้วย