©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์ แห่งแรก-แห่งเดียว ของไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน RSPO
สำหรับการจัดหาปาล์มเพื่อป้อนโรงงานสกัดฯ นั้น ได้มาจากปาล์มของสมาชิกสหกรณ์และคู่ค้า แต่ด้วยผลผลิตหลายครั้งคุณภาพไม่คงที่ จึงเกิดการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก “ปาล์มคุณภาพ” และนั่นเป็นที่มาของ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ”
“เมื่อก่อนเราไม่มีโรงงาน คนขายปาล์มต้องไปติดคิวรอขายที่โรงงาน จอดรอที 3-4 คืน ทำให้ปาล์มเสียราคา จอดรถรอจนปาล์มน้ำมันหยด เหลือโลละ 1-2 บาท”
“ประมาณปี 50 เกิดปัญหาปาล์มติดคิวมาก โรงงานต่างๆ ไม่ยอมรับซื้อ ปิดโรงงาน เราค้างรถอยู่ 7 วัน 7 คืน ผมบรรทุกปาล์มไปขาย 3 ตัน ขายได้แค่ 1.5 ตัน”
“ปริมาณปาล์มล้นตลาด สมาชิกและคณะกรรมการหลายท่านลงความเห็นว่า พวกเราควรมีโรงสกัด เพื่อไม่ให้โรงงานกดราคาเพราะปาล์มล้น โรงงานเคยกดราคาเหลือกิโลละบาทหรือบางทีไม่ถึงบาทก็มี”
เสียงเหล่านี้ สะท้อนมาจากคณะกรรมการสหกรณ์นิคมท่าแซะ ที่เล่าย้อนกลับไปถึงวันซึ่งเกิดเหตุการณ์ปาล์มล้นตลาด โรงงานสกัดปาล์มชะลอการซื้อปาล์มเมื่อช่วงปี 2550 จนเกิดความเสียหายกับเกษตรกรผู้ปลูกปาล์ม และสมาชิกสหกรณ์เป็นจำนวนมาก
©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ ซึ่งเป็นที่มาทำให้สมาชิกสหกรณ์นิคมท่าแซะ เห็นพ้องและสนับสนุนให้ มีการสร้าง “โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ” เพื่อรับซื้อผลผลิตปาล์มของสมาชิกฯ เข้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มและขายน้ำมันไปยังผู้ประกอบการอีกทอดหนึ่ง
จากวันแรก ที่โรงสกัดเดินเครื่องผลิตน้ำมันเมื่อปี 2554 จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 13 ปี แล้ว เครื่องจักรยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เป็น “โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์”แห่งแรก และแห่งเดียวของประเทศไทย ที่ได้การรับรองมาตรฐาน RSPO
แม้จะเป็นโรงสกัดขนาดเล็ก ทว่าได้ช่วยเหลือสมาชิกสหกรณ์ และพี่น้องชาวสวนปาล์มในเขตจังหวัดชุมพร ให้มีที่ขายทะลายปาล์มในราคาสูง และยังผลิตน้ำมันคุณภาพดีมาตรฐาน RSPO สร้างความยั่งยืนทั้งต่อเกษตรกร ชุมชน และสังคม
พายุถล่ม ผลผลิตล้น วิกฤตที่ต้องเจอ
คุณนพพร ขาวสอาด รองประธานกรรมการคนที่ 1 สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด เล่าถึงความเป็นมาของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ให้ทีมข่าว TASPO ฟังว่า สหกรณ์นิคมท่าแซะ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ 50 กว่าปีที่แล้ว โดยเริ่มต้นจากนิคมสหกรณ์ คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ เข้ามาจัดสรรที่ดินตั้งแต่ประมาณปี 2509 ในพื้นที่ท่าแซะ ประมาณ 60,000 ไร่ แบ่งให้เกษตรกรล็อคละ 40 ไร่ ซึ่งมีประชาชนจากหลายพื้นที่ทั่วประเทศทั้งจากเหนือ กลาง อีสาน ใต้ เข้ามาอาศัยและขอพื้นที่ทำกิน
นพพร ขาวสอาด รองประธานกรรมการคนที่ 1 สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง ในตอนนั้น นิคมท่าแซะ ถือว่าจัดสรรที่ดินได้ใหญ่ที่สุด ปริมาณพื้นที่มากถึง 40 ไร่/แปลง/คน เมื่อจัดสรรพื้นที่ให้ประชาชนแล้ว มีข้อกำหนดว่า เมื่อได้พื้นที่จัดสรรเป็นสมาชิกนิคมสหกรณ์ ต้องเป็นสมาชิกสหกรณ์ท่าแซะด้วย จึงเกิดกระบวนการเริ่มต้นของสหกรณ์นิคมท่าแซะ
มีกิจการ เช่น ธุรกิจลานเท รวบรวมผลผลิตปาล์มน้ำมันไปขายโรงงาน ธุรกิจปั๊มน้ำมัน 4 สาขา (สำนักงานใหญ่, ปากด่าน ท่าลานทอง และดินก้อง) ธุรกิจมินิมาร์ท 4 สาขาที่เดียวกับธุรกิจปั๊มน้ำมัน ธุรกิจรับฝากเงินและสินเชื่อ ธุรกิจเกี่ยวกับการเกษตร เช่น จำหน่ายปุ๋ย พันธุ์ปาล์ม
กระทั่งวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 “ไต้ฝุ่นเกย์” พัดถล่มภาคใต้ และจุดศูนย์กลางพายุ อยู่ที่อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร
“ตอนพายุมา ต้นไม้หักโค่น บ้างก็ถอนขึ้นมาทั้งต้น บ้านพัง จนต้องหนีไปอยู่ในรถ เห็นแต่ฝุ่นผงปลิวกระจัดกระจายจนกระจกรถขาวไปหมด”
คุณนิพนธ์ เทศรัตน์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ย้อนอดีตในวันที่วาตภัยเคลื่อนผ่านอำเภอท่าแซะ เพียงหนึ่งวัน-หนึ่งคืน ทุกอย่างถูกทำลายราบ ส่งผลให้ภาครัฐ มีแนวทางเข้ามาส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูกปาล์มน้ำมันมากขึ้น
นิพนธ์ เทศรัตน์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง ซึ่งพื้นที่ของนิคมสหกรณ์นั้น เหมาะกับการปลูกปาล์มน้ำมัน บรรดาสมาชิกของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ซึ่งเวลานั้น มีจำนวนเกือบๆ 4,000 คน แบ่งเป็นสมาชิกสามัญประมาณ 3,800 ส่วนที่เหลือเป็นสมาชิกสมทบ จึงพร้อมใจกันปลูก “ปาล์มน้ำมัน” เพิ่มมากขึ้นกว่า 5 หมื่นไร่ จากพื้นที่ 6 หมื่นกว่าไร่ของสมาชิกสหกรณ์ฯ
กระทั่งเวลาไล่เรียงมาถึงปี 2550 เกิดวิกฤตส่งผลกระทบต่อชาวสวนปาล์มท่าแซะอีกครั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์ “ปาล์มล้นตลาด” ทำให้โรงสกัดน้ำมันปาล์ม ชะลอการซื้อผลผลิตจนถึงขั้นงดรับซื้อ ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำ เกษตรกรที่ไปจอดรถรอขายปาล์มหน้าโรงงานต่างๆ ติดคิวขายปาล์มไม่ได้ข้ามวัน ข้ามคืน บางรายติดคิวเป็นอาทิตย์ ราคาปาล์มจากกิโลกรัมละ 4 บาท ตกไปจนไม่ถึง 1 บาท สร้างผลกระทบให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มเป็นวงกว้าง
“ปี 2550 มีปัญหาปาล์มติดคิวมาก โรงงานต่างๆ ไม่ยอมรับซื้อ ปิดโรงงาน เราค้างรถอยู่ 7 วัน 7 คืน ผมบรรทุกปาล์มไปขาย 3 ตัน ขายได้แค่ 1.5 ตัน” คุณดาวุธ แสนสุข คณะกรรมการสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ย้อนความทรงจำ แววตาหม่น
ดาวุธ แสนสุข คณะกรรมการสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง ©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ เกิดกลุ่ม วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ
จากเหตุการณ์ครั้งนั้น คณะกรรมการและสมาชิกสหกรณ์นิคมท่าชนะ จำกัด จึงสนับสนุนให้มีการสร้างโรงสกัดน้ำมัน เป็นของกลุ่มตนเอง
“ปริมาณปาล์มล้นตลาด สมาชิกและคณะกรรมการหลายท่านลงความเห็นว่า เราควรมีโรงสกัด เพื่อไม่ให้โรงงานกดราคาเพราะปาล์มล้นมาก โรงงานกดราคาเหลือบาทหรือไม่ถึงบาท” คุณนพพร ขาวสอาด รองประธานกรรมการคนที่ 1 สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด เผยจุดเริ่มนับหนึ่ง
โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จังหวัดชุมพร เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2556
โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ถูกสร้างขึ้นจากเงินก้อนแรก ด้วยวิธี Turn Key คือ มีบริษัทออกทุนสร้างโรงงานให้ แล้วสหกรณ์ฯ ทยอยจ่ายคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย
©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ หลังจากโรงงานสกัดฯ ดำเนินการได้ 1 ปี และมีกำไรเป็นที่น่าพอใจ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. จึงเข้ามาให้เงินกู้กับสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด เพื่อไปชำระหนี้การ Turn Key และเข้ามาเป็นเจ้าหนี้แทน
สำหรับการจัดหาปาล์มเพื่อป้อนโรงงานสกัดฯ นั้น ได้มาจากปาล์มของสมาชิกสหกรณ์และคู่ค้า แต่ด้วยผลผลิตหลายครั้งคุณภาพไม่คงที่ จึงเกิดการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก “ปาล์มคุณภาพ” และนั่นเป็นที่มาของ “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ”
หากอธิบายให้เข้าใจง่ายขึ้น กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ก็คือ สมาชิกสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ที่ทำปาล์มน้ำมันมาตรฐาน RSPO โดยถ่ายโอนมาจากโครงการเกษตรแปลงใหญ่ มาเป็นโครงการผลิตปาล์มน้ำมันอย่างยั่งยืน RSPO เริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี 2561 แต่ติดช่วงสถานการณ์โควิด 19 จึงสามารถตรวจประเมินแล้วเสร็จ มีผู้ผ่านการรับรองเป็นสมาชิก RSPO รุ่นที่ 1 เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2565 จำนวน 422 ราย มีพื้นที่ 9,140.75 ไร่
ไม่มองแต่ค่าพรีเมี่ยม เห็นผลดีจริง จึงบอกต่อ
คุณนิพนธ์ เทศรัตน์ ประธานกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ เล่าถึงการทำงานของวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ว่า ที่ผ่านมา ต้องอำนวยความสะดวกให้สมาชิกมากพอสมควร เนื่องจากเกษตรกรส่วนมากเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งคนจะเป็นสมาชิกของกลุ่มวิสาหกิจ ต้องมีที่ดินของตัวเองและมีเอกสารสิทธิ์เท่านั้น และปัจจุบันทุกคนมาจากสมาชิกสหกรณ์นิคมท่าแซะ ทั้งหมด ยังไม่มีสมาชิกกลุ่มอื่น
“สำหรับการทำงานกับเกษตรกร เราให้คำแนะนำในสิ่งที่ปฏิบัติได้ เชื้อเชิญโดยไม่บังคับใจกัน พอเขาเห็นประโยชน์ จะทำตามเอง” คือหลักการทำงานที่ คุณนิพนธ์ บอกก่อนเล่าต่อ
“สมาชิกฯ มักชินกับการที่สมัครอะไรแล้วได้เลย พอมาสมัครเป็นสมาชิก RSPO ต้องใช้เวลา ทำให้ช่วงแรก เกษตรกรไม่เข้าใจ ต้องค่อยๆ ทำความเข้าใจ มีการอบรมกันตลอด เราไม่ได้เน้นให้เกษตรกรมองแต่ค่าพรีเมี่ยมที่จะได้รับ แต่แนะนำว่าถ้าคุณทำปาล์มปริมาณเท่านี้ แล้วขายผลผลิตได้มากขึ้นจะเป็นอย่างไร และยังมีค่า พรีเมี่ยมไปอีก ได้ผลประโยชน์หลายต่อ รวมถึงค่าคาร์บอนเครดิต เมื่อเขาทำแล้วเห็นผลได้จริง เขาบอกต่อ คนอื่นอยากเข้าร่วมเพิ่ม”
สำหรับผลผลิตปาล์มที่ได้ สมาชิกจะส่งขายให้กับ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ซึ่งมีข้อกำหนดว่า “ต้องขายรวมทั้งทะลายปาล์มและลูกร่วง” เพื่อให้ได้ค่าเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูง
©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ โดยสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด มีจุดรวบรวมผลผลิต 9 แห่ง สมาชิกอยู่ใกล้จุดไหนสามารถไปส่งที่จุดนั้น และจะมีรถบรรทุกมาส่งที่ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัดแต่หากสมาชิกฯ มาส่งที่ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด จะได้บวกเงินค่าขนส่งเพิ่มด้วย
คุณนิพนธ์ เล่าถึงราคาขายปาล์มของสมาชิกว่า ที่นี่ให้ราคาพรีเมี่ยมกับสมาชิกสูง คือ บวกราคาพรีเมี่ยม 20 สตางค์ ถ้าการตัดได้มาตรฐานเพิ่มอีก 30 สตางค์ หักเข้ากลุ่มฯ 5 สตางค์ เหลือให้สมาชิก 45 สตางค์ จากราคาขายหน้าป้ายเป็นราคาที่ให้กับสมาชิก RSPO ค่อนข้างเยอะกว่าที่อื่น แต่มีเงื่อนไข คือ ต้องตัดสุก สีต้องส้ม ขั้วทะลายสั้น ขายรวมหมดไม่แยกขายเม็ดร่วง หรือชั่งขายรวม เพราะจะทำให้เปอร์เซ็นต์น้ำมันขึ้นได้เยอะ
อยากได้น้ำมันปาล์ม RSPO ต้องมาหาเรา คือ สิ่งที่คาดหวัง
คุณไกรฤกษ์ ดวงคงทอง ผู้จัดการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด กล่าว ถึงการทำปาล์ม RSPO ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ให้ฟังว่า วันนี้เป็นโอกาสดีที่เกษตรกรได้ทำระบบ RSPO เพราะโดยปกติ เกษตรกร เขาไม่มีระบบในการทำอาชีพ แต่ระบบนี้ จะทำให้พวกเขาดำเนินอาชีพได้อย่างยั่งยืน และลดความเสี่ยง ลดต้นทุน วันนี้ RSPO ทำในเรื่องการลดต้นทุนมากกว่า เราลดต้นทุนที่มองไม่เห็น ถ้าไม่จด ไม่เขียน จะไม่รู้เลย
ไกรฤกษ์ ดวงคงทอง ผู้จัดการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง “สำหรับโรงงานสกัดฯ ต้องเพิ่มกำลังการผลิต เพราะเมื่อเพิ่มประสิทธิภาพของต้นน้ำ ปรับสายพันธุ์ จนเป็นสมาชิก RSPO แล้ว มีผลผลิตมากขึ้น โรงงานสกัดฯ ที่เป็นกลางน้ำต้องปรับตัว เปลี่ยนเครื่องจักร ต้องเป็น Automation – การทำงานที่ใช้เทคโนโลยี มีคอมพิวเตอร์เข้ามาทำงานมากขึ้น เพื่อปรับลดคน ลดค่าใช้จ่าย และไปต่อยอดว่าเมื่อปาล์มเป็นน้ำมันแล้วจะไปไหน ไปสู่บริโภค ไปสู่พลังงาน หรือเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ที่กำลังศึกษาอยู่จากผลพลอยได้ คือน้ำมันปาล์มแดง ที่ตอนนี้ มีการส่งออกไปต่างประเทศมากขึ้น” ผู้จัดการสหกรณ์ ฝ่ายจัดการโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด บอกอย่างนั้น
ปัจจุบัน โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด เป็นโรงงานมาตรฐาน RSPO Supply Chain แบบ Mass Balance ที่ต้องการปาล์มป้อนเข้าโรงสกัดจำนวน 500 ตัน/วัน โดยรับปาล์มจากสมาชิกสกรณ์ทั้งจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ สมาชิกทั่วไปของสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด และคู่ค้า ซึ่งจะขายปาล์มได้ในราคาที่มากกว่าสมาชิกสหกรณ์เล็กน้อย แต่ไม่มีค่าขนส่ง และต้องคัดคุณภาพปาล์มก่อน
หากมองด้วยสายตาคนนอก การทำน้ำมันในระบบ Mass Balance ที่คละปาล์มจากสวนเกษตรกร RSPO และ ปาล์มทั่วไป อาจเป็นเรื่องยากมาก
ประเด็นนี้ คุณพุทธิพงษ์ ขวัญเมือง รองผู้จัดการฝ่ายโรงงาน บอกว่า สิ่งที่โรงงานสกัด ทุกแห่งเป็นเหมือนกันหมด คือ ไม่สามารถกำหนดวัตถุดิบได้ ถ้าเป็นอุตสาหกรรมอื่น กำหนดได้เลย ฤดูกาล สายพันธุ์ พื้นที่ก็ไม่เหมือน ความต่างไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเดือนหน้าจะเจออะไร ต้นทางควบคุมไม่ได้ แต่ปลายทางต้องการให้เป็นแบบนี้ สิ่งนี้คือความยาก แต่ละช่วงต้องมีวิธีการที่แตกต่างกันไป ซึ่งทุกที่ในอุตสาหกรรมปาล์มต้องพยายามให้เหมือนกันให้มากที่สุด
พุทธิพงษ์ ขวัญเมือง รองผู้จัดการฝ่ายโรงงาน ©TASPO/ศรยุทธ รุ่งเรือง “การทำปาล์มคุณภาพมีรายละเอียดเยอะ เวลารับปาล์มจากสมาชิกทั่วไป พยายามใช้เกณฑ์เดียวกับของ RSPO แต่อาจไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่สำคัญปาล์มต้องสุก 100 เปอร์เซ็นต์ และมีลูกร่วง ซึ่งช่วงหนึ่งเปอร์เซ็นต์น้ำมันได้ถึง 19 เปอร์เซ็นต์ แต่ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศด้วย อย่างที่ผ่านมาเป็นช่วงเอลนินโญ่ ปาล์ม RSPO ก็ดึงไม่ขึ้น เพราะมันเกี่ยวกับหลายปัจจัยด้วย” คุณพุทธิพงษ์ บอก
และว่า วันหนึ่งโรงงานเราจะเป็นโรงงาน RSPO ร้อยเปอร์เซ็นต์ ปาล์มที่เข้าสู่กระบวนการของเราทั้งหมดเป็นปาล์ม RSPO ทั้งหมด ถ้าถึงวันนั้นเชื่อว่าการบริหารจัดการจะง่ายกว่านี้ ในแง่การตลาด ใครที่อยากได้ น้ำมัน RSPO ต้องมาหาเรา นี่คือสิ่งที่คาดหวังในอนาคต และคิดว่าน่าจะเป็นไปได้
RSPO ปัจจัยเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ช่วยเรื่องการอนุรักษ์
เมื่อสอบถามเกี่ยวกับ กระบวนการรับซื้อปาล์ม เพื่อเข้าสู่กระบวนการสกัดน้ำมันของโรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ทาง คุณนพพร ขาวสะอาด รองประธานกรรมการคนที่ 1 สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด อธิบายให้ฟัง
เริ่มจาก เมื่อมีคนมาขายปาล์ม จะมีการแยกบัญชี โดยสมาชิกวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ มีบัตรสมาชิก เวลามาขายปาล์มนำเข้าห้องชั่ง จดบันทึก และมีตั๋วส่งไปยังสำนักงานของวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ ด้วย
ส่วนสมาชิกอื่นๆ ที่ไม่ใช่ RSPO จะทำการบันทึกอีกแบบ มีความแตกต่างกันชัดเจน แต่ทางโรงงานสามารถตรวจสอบไปยังต้นทางไปถึงสวนได้ว่า ปาล์มที่นำมาขายนั้นมาจากสวนไหน
ทั้งนี้ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด ยังมีข้อมูลสมาชิกด้วยว่า แต่ละวันสวนไหนจะมีการตัดปาล์ม ทั้งสมาชิกสวน RSPO และสวนทั่วไป จึงทำให้ โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ สามารถประเมินได้ว่าจะมีผลผลิตเข้าเท่าไหร่ และต้องหาซื้อผลผลิตจากคู่ค้าเพิ่มอีกเท่าไหร่ เหมือนเป็นการการันตีว่าโรงงานสกัดฯ ต้องมีผลผลิตทุกวัน ส่วนเกษตรกร มีที่ขายผลผลิตแน่นอน เป็น “สัญญาใจ”ที่สหกรณ์ช่วยสมาชิก สมาชิกช่วยสหกรณ์เช่นกัน
“สมาชิกวิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน RSPO ท่าแซะ เป็นสมาชิกสหกรณ์อยู่แล้ว เราได้ช่วยสหกรณ์ในการขับเคลื่อนโรงกลั่น การที่สหกรณ์สร้างโรงงานสกัด เพราะต้องการปริมาณปาล์ม ถ้าสมาชิกไปขายที่อื่น ก็ขัดกับหน้าที่ของสมาชิก ดังนั้นการขายให้สหกรณ์ทำให้สหกรณ์มีปริมาณปาล์มที่เพียงพอ” คุณนพพร บอก
และว่าต่อ เมื่อปาล์มเข้าสู่กระบวนการสกัด ผลิตภัณฑ์ที่ได้หลักๆ คือ น้ำมันปาล์ม โดย โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ ขายอยู่ 2 แบบ คือ ขายผ่านคนกลาง เรียกว่า ขายสดหน้าโรง ผู้ซื้อจะนำรถมารับน้ำมันและจ่ายเงินให้โรงสกัดทันที และการขายผ่าน RSPO ไปยัง บริษัท เอสดี กัทธรี อินเตอร์เนชั่นแนล มรกต จำกัด (มหาชน) หรือ ไซม์ ดาร์บี้ ออยส์ มรกต เป็นการขาย Refine Processing ใช้เวลารอ 15 วันถึงจะได้รับเงิน
©TASPO/สายัณห์ ชื่นอุดมสวัสดิ์ ส่วนผลผลิตอื่นๆ นอกเหนือจากน้ำมันปาล์ม นับตั้งแต่ ทะลายเปล่า ขายให้สมาชิกสหกรณ์นำไปเพาะเห็ดฟาง หรือส่งโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า เมล็ดในปาล์ม ส่วนใหญ่ผู้ซื้อนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ โอเลโอเคมีคอล กะลา ขายให้โรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า เส้นใย ขายให้สมาชิก ไปทำอาหารสัตว์
น้ำเสีย จากโรงงานทั้งหมดส่งไปโรงงานไบโอแก๊ส เพื่อผลิตแก๊สมีเทน ปั่นกระแสไฟฟ้าขายการไฟฟ้า ซึ่ง โรงงานสกัดปาล์มน้ำมันสหกรณ์นิคมท่าแซะ ทำสัญญากับทางการไฟฟ้า ไว้ที่ 1.6 เมกะวัตต์ ตะกอนจากบ่อน้ำเสีย ขายทำปุ๋ยชีวภาพ และสุดท้าย คือ ขี้เถ้า แจกให้กับสมาชิก
“RSPO เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้มูลค่าในการขายผลิตภัณฑ์ของเราเพิ่มขึ้น ช่วยเรื่องอนุรักษ์ได้อีกทาง และต่อไปจะมีเรื่องของคาร์บอนเครดิตอีก ในฐานะเกษตรกร มองว่า RSPO เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สมาชิกได้ผลประโยชน์จากการขายปาล์มเพิ่มขึ้น จึงหวังว่าในอนาคต สมาชิกของเราทุกคนจะเป็น RSPO ทั้งหมด และเราเองจะกลายเป็นโรงงานสกัดปาล์มน้ำมัน RSPO แบบเต็มตัว” รองประธานกรรมการคนที่ 1 สหกรณ์นิคมท่าแซะ จำกัด สรุปทิ้งท้าย
รายงาน / ทีมข่าว TASPO
VIDEO